…เมื่อจบเกมปรีซีซั่น ความกังวลก็เริ่มบังเกิด เมื่อผลการแข่งขันสรุป 3 นัดออกมาได้ดังนี้
-ชนะ สต๊ดการ์ด 3 – 0
-เสมอ เรดบลู ซัลบวร์ก 2 – 2
-เสมอ อาร์เซนอล 1 – 1 (แพ้จุดโทษ 5 – 4 )
ท่ามกลางเสียงวิภากษ์วิจารณืดังขึ้นเป็นวงออเครสต้า ประสานเสียงว่า ไม่น่ารอดในปีนี้ เลยเถิดไปถึง เสียงติติงที่ว่า เราอาจหลุดท็อป 4 เลยทีเดียว
…..และแน่นอนเป้าหมายหลักของการวิจารณ์คือ FSG ว่าขี้งก ไม่ยอมใช้เงิน ทั้งๆที่ได้ทั้งแชมป์ยุโรปและพรีเมียร์ลีก กวาดเงินเข้าคลังสโมสรไม่ใช่น้อย
ท่ามกลางความผิดหวังจาก ติโม แวเนอร์ แต่ถูกเยียวยาโดย คอสตาส ซิมิกาส ทีี่ถึงตอนนี้ยังเป็นคนเดียวในตลาดนักเตะหน้านี้ ส่วน ติอาโก้ อัลกันตาร่า เราละในฐานะที่เข้าใจว่าอาจพลาดมากกว่าได้ตัวมา
แต่เมื่อหันไปมองคู่แข่งทีมอื่นเขาเสริมทัพกันอุตลุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เฟร์ราน ตอร์เรส เนธาน อาเก้ กำลังจะได้ ลิโอเนล เมสซี่ และยังมีข่าวกับ คูลิบาร์นี่ อีกคน
เชลซีได้แวร์เนอร์ ได้ฮาคีม ซิเย็ค ได้ติอาโก้ ซิลวา ได้มาล็อง ซาร์ กำลังจะได้ฮาแวร์ตซ์
อาร์เซน่อลได้วิลเลียน เตรียมจับปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ต่อสัญญา
สเปอร์สได้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ได้ แมตต์ โดเฮอร์ตี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังจะเซ็น ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
ลิเวอร์พูลก็ยังได้แค่ คอสตาส ซิมิกาส คนเดียวโดดๆ มาเติมแบ็คซ้าย แต่ก็มีช่องว่างที่ เดยัน ลอฟเรน ทิ้งไว้และยังไม่มีการอุดช่องว่างตรงนี้ ขณะที่เงินซือ ซิมิกาส ก็เป็นเงินจากการขอย ลอฟเรน
นั่นแปลว่า FSG ลงทุนเป็น 0 ปอนด์….
แต่ถ้าคุณมองแบบกลางๆงบดุลการซื้อนักเตะตั้งแต่ FSG เข้ามาแสดงได้ดังนี้
ฤดูกาล 2012/13 – ขาดทุน 36.5 ล้านปอนด์ ซื้อ 48.9 ล้านปอนด์ ขาย 12.45 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2013/14 – ขาดทุน 16.8 ล้านปอนด์ ซื้อ 44.8 ล้านปอนด์ ขาย 28 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2014/15 – ขาดทุน 38.3 ล้านปอนด์ ซื้อ 117 ล้านปอนด์ ขาย 78.7 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2015/16 – ขาดทุน 21.45 ล้านปอนด์ ซื้อ 78.9 ล้านปอนด์ ขาย 57.45 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2016/17 – กำไร 16.65 ล้านปอนด์ ซื้อ 61.9 ล้านปอนด์ ขาย 78.55 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2017/18 – ขาดทุน 1.15 ล้านปอนด์ ซื้อ 149.9 ล้านปอนด์ ขาย 148.75 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2018/19 – ขาดทุน 123.1 ล้านปอนด์ ซื้อ 160.75 ล้านปอนด์ – ขาย 37.65 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2019/20 – กำไร 37.9 ล้านปอนด์ซื้อ 8.55 ล้านปอนด์ ขาย 46.45 ล้านปอนด์
เมื่อเอาตัวเลขมารวมกัน FSG มีปีกำไรในตลาดนักเตะอยู่แค่ 2 ปี ขาดทุน 8 ปี ผลประกอบการสุทธิ : ขาดทุน 218.15 ล้านปอนด์
อาจมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้แชมป์รายการใหญ่ๆ 2 รายการ และเข้ารอบลึกๆในแชมปป์เปี้ยนส์ลีกทุกปี แต่อย่าลืมว่ารายจ่ายฟุตบอลมันมีหลายด้าน ขณะที่การลงทุนต่อเติมอัฒจรรย์ ก็ใช้เงินไม่ใช่น้อย รวมถึงการไล่ต่อสัญญานักเตะตัวหลักพร้อมอัฟค่าเหนื่อยให้หลายๆคนเป็นเท่าตัวรายจ่ายที่ได้มาก็เพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
ยิ่งยุคนี้ ทุกอย่างถูกแช่ ถูกชะงักด้วยโรคโควิด19 ที่ถึงตอนนี้ยังไม่ทราบได้ว่าจะยุติลงตรงไหน ผู้ชมจะเข้าสนามได้เท่าไหร่ เงินรายได้ส่วนนี้หายไปมาก ไม่ใช่เฉพาะค่าตั๋วเข้าชมเม่านั้น มันยังรวมถึงค่าของที่ระลึกต่างๆที่ลดลงไปด้วย…แน่นอนเงินที่ห้ายไปนี้หลายล้านปอนด์ต่อนัด
ที่สำคัญ FSG ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ที่จะไปแข่งกันจ่ายแบบมหาเศรษฐีทั้งหลาย พวกเขาคือมืออาชีพด้านการบริหาร ที่ต้องเน้นฝีมือการบริหารทีมให้ยั่งยืน ธุรกิจฟุตบอลต้องยืนได้ด้วยตนเองไม่ใช่การล้วงกระเป๋าตนเองเพื่อมาปรนเปรอทีม ไปวันๆ…
วิถีการบริหารให้ฟุตบอลยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง หลายทีมถวิลหา เพราะเดินไปคู่กันระหว่างผลประกอบการกับความสำเร็จ หลายคนอาจจะค้านว่า เพราะเจอร์เก้น คล็อปป์ ต่างหากที่เสกให้ ลิเวอร์พูล บินสูง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทีมบริหารก็ล้วนมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ อันเป็นส่วนประกอบเติมเต็มให้ทีมประสบความสำเร็จได้
ผมไม่ได้บอกว่า FSG ดีเลิศประเสริฐศรี งดงามทุกอย่างแตะต้องไม่ได้ ทุกการทำงานย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง มีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่พวกเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น หรือทุเรศอย่างที่ถูกจิกด่าจากกองเชียร์บางส่วน
มองด้วยใจเป็นกลางแล้วให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาบ้าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังพูดเองชัดๆ ว่าเราจำเป็นต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังจริงๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าผลกระทบจากโควิด-19 จะไปสิ้นสุดตรงไหนแล้วเสียหายมากเท่าไหร่
ผมเชื่อว่าทุกท่านรักทีม ต้องการให้ทีมเดินหน้าล่าความสำเร็จไปนานๆให้อิ่มเอม พวกเราในฐานะแฟนบอลควรจะเข้าใจคือวิถีการทำงานของทีมที่ตัวเองรัก เข้าใจว่าทีมของเราเป็นอย่างไร มีวิธีคิดแบบไหน ที่สำคัญคือแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร
ถ้ารู้สึกว่าวิธีคิดไม่เข้าท่าแล้วผลลัพธ์ออกมาเละเทะก็ด่าไปเถอะ ด่าให้เต็มที่เลย แต่ถ้ารู้สึกว่าวัฒนธรรมแบบนี้ไม่ดีแต่ผลลัพธ์กลับออกมาดี
เป็นรองแชมป์ลีกคัพ
เป็นรองแชมป์ยูโรปา ลีก
เป็นรองแชมป์ยุโรป
เป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีก
เป็นแชมป์ยุโรป
เป็นแชมป์โลก
เป็นแชมป์ซูเปอร์คัพ
เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก
กลายเป็นเบอร์หนึ่งของวงการภายในเวลาแค่ 5 ปี คนที่คิดจะด่าก็ควรหยุดสักนิด แล้วไตร่ตรองดูสักหน่อยว่าที่จริงแล้ววิธีการที่สโมสรทำมามันก็ไม่เลวเลยนี่…
ตัวหลักยังอยู่กันครบ ดาวรุ่งก็กำลังรอวันเฉิดฉาย ที่สำคัญ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังไม่ไปไหน ผมคิดว่า ถึงเวลาที่ต้องจ่าย FSG ไม่ลังเลจะจ่ายแน่นอน และผมเชื่อว่า ทีมงานบอร์ดสื่อสารกับเจอร์เก้น คล็อปป์ เรื่องการเสริมทัพแน่นอน…
ใจเย็นๆ ยังมีเวลา บอลยังไม่เริ่มสักนัด
อย่ากังวลให้มาก…เฝ้ามองอย่างเข้าใจ มีความสุขกับทีมรักของเรา
ถึงเวลาแข่งจริง ไม่ดีค่อยว่ากัน แล้วผมจะออกบทความด่าเอง
สวัสดีครับ